https://www.facebook.com/proconsmicropiles procons ประดับความรู้ก่อนจะจากไป
ReadyPlanet.com
dot
bulletHome
dot
Procons Team
dot
bulletงานแก้ไขอาคารทรุด
bulletปัญหาการทรุดตัว
bulletชนิดของเสาเข็ม
bulletผลงานต่างๆ
dot
ความรู้เรื่อง บ้านและส่วนประกอบของอาคาร
dot
bulletมารู้เรื่องส่วนประกอบของอาคารกันสักหน่อย
dot
บทความพิเศษ
dot
bulletเปิดโปงองค์กรลับ ฟรีเมสัน
bulletสนธิสัญญาชั้นต้นของผู้นำขบวนการยิวไซออนิสต์
bulletความจริงที่ไม่มีคนรู้เกี่ยวกับไซออนนิสต์
bulletเนื้อแท้ของรัฐไซออนนิสต์
bulletกฎการอนุญาตให้ปฏิบัติการพลีชีพในอิสลาม
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911 (1)
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911 (2)
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911 (3)
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911(4)
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911 (5)
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911 (6
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911 (7)
bulletลัทธิก่อการร้ายไซออนนิสต์ เบื้องหลังหายนะภัย 911 (8)
dot
รู้ไว้ไช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
dot
bulletสงครามครูเสด ขนาดย่อ
bulletกลุ่มไซออนิสต์คริสเตียนใหม่ของอเมริกา.
bulletกำแพงกั้นอารยธรรมอิสลามกับตะวันตก.
bulletไซออนิสต์ คำสอนเรื่องเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์อย่างผิดๆ
bulletขบวนการไซออนนิสต์ กลุ่มก่อการร้ายตัวจริง
bulletรู้จักยิวไซออนนิสต์แล้วหรือยัง
bulletขบวนการไซออนนิสต์ อันตราย
bulletเหตุการณ์หลังจากนบีอีซา อะลัยฮิสลาม.(เยซู)
bulletไซออนนิสต์กับยุทธศาสตร์ครองความเป็นเจ้าโลก (โลกเดียว)
bulletอีกด้านหนึ่งของเหรียญ (นรกรอบใหม่ในตะวันออกกลาง)
bulletน่ารู้สำหรับผู้ไฝ่หาความจริง อ่านแล้วคิด
bullet9/11 ปาหี่อาชญากรรมสงคราม
bulletเร่งเปิดโปง CTIC สถานะการณ์ภาคใต้+แผนการเจ็ดขั้นเพื่อส่งผลให้อเมริกาขึ้นเป็นจ้าวโลก
bulletประวัติศาสตร์ อิสลาม ตอนที่ 1 โดย อ.บรรจง บิกาซัน
dot
Islamicworld
dot
bulletIslamic World
bulletคัมภีร์ กุรอาน ภาษาไทย
bulletไปดูอิสลามกับวิทยาศาตร์
bulletไปอ่านข่าว ยมท.กันบ้าง
bulletไปหาพี่น้องชาวจีน มุสลิม
bulletเสนอเรื่องราวของมุสลิมใหม่ และมุสลิมในโลกตะวันตก
dot
อ่านข่าวกันสักหน่อยจะได้ทันเหตุการณ์
dot
bulletผู้จัดการ ออนไลน์
bulletเดลินิวส์
bulletมติชน
bulletคมชัดลึก
bulletไทยรัฐ
bulletไปดูข่าว อสมท.
dot
ข่าวประกวดราคาและการประมูล
dot
bulletรวมข่าวประกวดราคา
bulletตลาดซื้อ-ขายไปThai2Hand
bulletประมูลสินค้าทั่วไป
bulletgoogle
dot
ซอร์ฟแวร์ฟรี มีมากมายไปดู
dot
bulletที่นี่มีมากมายเข้าไปดูเอง
bulletมือถือ ที่นี่เลยมีทั้งฟรีทั้งเสียตัง
dot
ศึกษา อ่าน ชม ฟังกันบ้างเพื่อจะได้ เข้าใจ
dot
bulletมนุษย์ กับ การแสวงหาสันติสุข(อิสลาม)
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่1 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่2 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่3 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่4 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่5 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่6 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่7 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์ อิสลามตอนที่8 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่9 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่10 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่11 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่12 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่13 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่14 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่15 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่16 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่17 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่18 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่19 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่20 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่21 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่22 อ.บรรจง บินกาซัน
bulletประวัติศาสตร์อิสลามตอนที่23 อ.บรรจง บินกาซัน
dot
ความรู้เพิ่มเติม
dot


Search in the Holy Quran
Search keyword:
in


ไซออนิสต์ คำสอนเรื่องเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์อย่างผิดๆ

ไซออนิสต์  คำสอนเรื่องเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์อย่างผิดๆ.

 

 

พวกไซออนิสต์เชื่อว่าพวกตนเป็นเผ่าพันธ์ที่ประเสริฐที่สุดเหนือเผ่าพันธุ์อื่น ดังนั้น คำพูดหรือพฤติกรรมใดๆที่ถูกถือว่าทำให้ต้นกำเนิดของยิวตกต่ำ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นผู้นับถือศาสนายิว(ศาสนายูดาย)หรือไม่ก็ตามจะถูกถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

 

ดังนั้น ลัทธิต่อต้านคนเชื้อสายเซมิติค (แอนตี้เซมิติค) เมื่อเร็วๆนี้จึงได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางด้านเชื้อชาติที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าการแบ่งแยกสีผิวที่เคยรู้กันมาในประวัติศาสตร์เสียอีก ทฤษฎีที่ถือว่าตัวเองมีความเหนือกว่าทางด้านเผ่าพันธุ์นี้ได้กลายเป็นเหตุผลสนับสนุนให้มีการทำลายล้างชาวปาเลสไตน์

 

ถึงแม้ว่าชาวปาเลสไตน์จะมีเชื้อสายเซมิติคเหมือนกัน การโฆษณาชวนเชื่อของพวกไซออนสิต์กำลังส่งเสริมลัทธิก่อการร้ายและกำลังสร้างข้อจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและการศึกษาค้นคว้าอย่างเสรี ใน ค.ศ.1983 เมื่อนาย อาร์เธอร์ โคสต์เลอร์ (Arthur Koestler) นักเขียนและนักศึกษาค้นคว้าชาวยิวได้เปิดเผยถึงความเท็จเรื่องลัทธิแอนตี้เซมิติคและดินแดนแห่งพันธสัญญา เมื่อนายโคสต์เลอร์แสดงหลักฐานที่แข็งแรงว่ายิวสมัยใหม่มิใช่ชาวปาเลสไตน์ แต่มีต้นกำเนิดจากเผ่าพันธุ์คอเคเซียน เขาและภรรยาของเขาได้เสียชีวิตในบ้านที่กรุงลอนดอน


การอพยพอย่างต่อเนื่อง

พวกยิวถูกชาวคริสเตียนถือว่าเป็นผู้ฆ่าพระเยซูและได้ถูกสาปแช่งให้ต้องอพยพอยู่ตลอดเวลา ในคำบอกเล่าที่สืบทอดกันมา การที่ยอห์นแบพติสต์ถูกพวกยิวฆ่านั้นแสดงให้เห็นถึงความเป็นศัตรูเก่าของชาวอิสราเอลต่อพระผู้เป็นเจ้าที่เสนอทางรอดพ้นให้แก่พวกเขา ความกลัวของพวกยิวที่จะต้องเข้าร่วมในสงครามและความโลภของพวกเขาได้กระตุ้นความรู้สึกต่อต้านชาวยิวให้เกิดขึ้นในอาณาจักรโรมัน

ดังนั้น ความเป็นศัตรูต่อชาวยิวจึงได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคกรีกโรมันและยุคเฮลเลนโบราณ ในคริสตศตวรรษที่ 4 อาณาจักรโรมันได้ออกกฎหมายหลายฉบับที่ต้องการจะแบ่งแยกชาวยิวออกจากชาวคริสเตียน เนื่องจากความไม่ไว้วางใจชาวยิว พวกยิวจึงถูกปฏิเสธความเป็นพลเมืองและสิทธิในการเป็นพลเมือง ถูกห้ามมิให้มีตำแหน่งในรัฐบาลและในกองทัพในยุโรปส่วนใหญ่ระหว่างสมัยกลาง

พวกยิวได้ถูกสั่งให้ติดเครื่องหมายสีเหลืองที่แสดงให้รู้ว่าเป็นยิว การแบ่งแยกชาวยิวในเมืองออกมาเป็นชุมชนที่เรียกว่า “เก็ตโต” ก็มีขึ้นตั้งแต่สมัยกลางและดำเนินต่อมาจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 19 และตอนต้นศตวรรษที่ 20 ในประเทศส่วนใหญ่ของยุโรป

เมื่อการค้าของชาวยุโรปเจริญเติบโตขึ้นในตอนหลังของยุคกลาง พวกยิวก็ได้เข้าไปมีส่วนในการผูกขาดการค้า การปั่นราคาและการให้กู้เงินด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ขูดรีด ลักษณะเฉพาะของยิวในยุโรปสมัยยุคเอลิซาเบธนั้นได้ถูกสะท้อนออกมาให้เห็นในงานแสดงละครที่มีชื่อเสียงเรื่อง “เวนิสวานิช” ของเชคสเปียร์ ในบทละครนี้ ไชลอคเป็นชาวยิวขี้เหนียวและเป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์ที่ธุรกิจของเขาขึ้นอยู่กับดอกเบี้ย การให้กู้เงินด้วยดอกเบี้ยเป็นความผิดร้ายแรงที่ศาสนาคริสต์และอิสลามห้ามอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกหนี้ของไชล็อคไม่สามารถที่จะจ่ายหนี้คืนได้ เขาก็จะสร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนให้แก่ลูกหนี้ของเขาด้วยการทบต้นดอกเบี้ยเพื่อทำให้ความมั่งคั่งของเขาเพิ่มพูนขึ้น อันโตนิโอเป็นชาวคริสเตียนคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกหนี้ของยิวไชล็อค และเนื่องจากไชล็อคเกลียดอันโตนิโอและศาสนาคริสต์ อันโตนิโอจึงถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสสำหรับการไม่สามารถจ่ายหนี้เงินกู้ได้ ความโลภและความเหี้ยมโหดเช่นนี้เองที่ทำให้มีการขับไล่พวกยิวออกจากหลายประเทศ รวมทั้งอังกฤษ (ใน ค.ศ.1290) ฝรั่งเศส (ในศตวรรษที่ 14) เยอรมัน (ค.ศ.1350) โปรตุเกส (ค.ศ.1496) สเปน (ค.ศ.1492) เป็นต้น ผลของการอพย ครั้งใหญ่นี้ก็คือศูนย์กลางของชีวิตชาวยิวได้ย้ายจากยุคโรปตะวันตกและเยอรมันมายังตุรกี และหลังจากนั้นก็ย้ายมายังโปแลนด์และรัสเซีย

อาณาจักรรัสเซียได้จำกัดพวกยิวไว้ในเขตตะวันตก หลังจากมีการจลาจลต่อต้านชาวยิวอย่างกว้างขวางเกิดขึ้นในรัสเซีย พวกยิวก็ถูกจำกัดเขตอยู่ในเมืองต่างๆ ดังนั้นพวกยิวหลายล้านคนจึงได้อพยพไปยังสหรัฐและยุโรปตะวันตกหลังจากนั้นอีกสี่สิบปี

ที่ไหนก็ตามที่พวกยิวไป พวกยิวก็จะสร้างความเสียหายให้ระบบเศรษฐกิจของที่นั่นซึ่งสร้างความไม่พอใจและความเป็นศัตรูให้แก่คนในประเทศนั้น เช่นในเยอรมันและออสเตรียในศตวรรษที่ 19 เดรฟัส นายทหารยิวคนหนึ่งในฝรั่งเศสได้ถูกจับและถูกพิพากษาจำคุกในฐานเป็นกบฎ


เผ่าที่สิบสาม

ตามหลักการสืบเชื้อสายของชาวฮิบรูที่เป็นที่รู้จักกันดีทางประวัติศาสตร์ มีชนชาวยิวสิบสองเผ่าที่ได้ถูกกล่าวไว้ในกุรอาน 7: 160 ว่า “เราได้แบ่งพวกเขาออกเป็นสิบสองเผ่า หรือสิบสองชาติ”

อย่างไรก็ตาม หนังสือที่นายอาร์เธอร์ โคสต์เลอร์เขียนขึ้นนั้นได้สร้างความฮืออาขึ้นเมื่อได้ถูกตีพิมพ์ออกมาใน ค.ศ.1976 ทั้งนี้เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ได้ทำลายหลักคำสอนทางด้านเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ของชาวยิว ในหนังสือเรื่อง The Thirteenth Tribe : The Khazar Empire (เผ่าที่สิบสาม : อาณาจักรคาซาร์) เขาได้สืบย้อนประวติศาสตร์ของอาณาจักรคาซาร์อันเก่าแก่ซึ่งได้หันมานับถือศาสนายูดายใน ค.ศ.740 และครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจในยุโรป แต่ได้ถูกลืมไปเกือบหมดแล้ว กองกำลังของเจงกิสข่านได้กวาดล้างพวกคาซาร์ซึ่งเป็นชนเผ่าเติร์กอารยันที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน แต่หลักฐานชี้ว่าพวกคาซาร์ได้อพยพไปยังโปแลนด์และได้ไปก่อตัวกันสร้างหลักแหล่งของชาวยิวตะวันตก (อัชเคนาซิม) ขึ้นมา

อำนาจของพวกคาซาร์แผ่ขยายตั้งแต่จากทะเลดำไปจนถึงทะเลสาปแคสเปียน จากคอเคซัสไปถึงโวลก้า ดังที่อาร์เธอร์ โคสต์เลอร์กล่าวไว้ พวกคาซาร์เป็นโลกที่สามแห่งยุคนั้นและพวกนี้เลือกวิธการอันน่าประหลาดในการปฏิเสธศาสนาคริสต์จากตะวันตกและอิสลามจากตะวันออกด้วยการหันไปนับถือศาสนายูดาย

อาร์เธอร์ โคสต์เลอร์ได้กล่าวไว้ในหนังสือของเขาว่าพวกคาซาร์ได้อพยพไปยังเขตแดนของพวกโปแลนด์และลิธัวเนียในการเผชิญหน้าการรุกรานของพวกมงโกล การอพยพของพวกคาซาร์มีผลกระทบต่อองค์ประกาอบทางด้านเผ่าพันธุ์และมรดกทางสังคมของยิวสมับยใหม่ เขาได้ทำการศึกษารายละเอียดอย่างลึกซึ้งเพื่อเป็นการสนับสนุนทฤษฎีที่เชื่อถือได้มากกว่าสำหรับข้อจำกัดที่มีอยู่

โคสต์เลอร์สรุปว่า : “หลักฐานที่นำมาเสนอในหนังสือเล่มนี้เห็นด้วยกับนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่เป็นอิสระต่อกันไม่ว่าจะเป็นชาวออสเตรีย ชาวอิสราเอลหรือชาวโปแลนด์ ซึ่งโต้แย้งว่ายิวสมัยใหม่มิได้มีต้นกำเนิดจากชาวปาเลสไตน์ แต่มีต้นกำเนิดมาจากพวกคอเคเซียน กระแสหลักของการอพยพชาวยิวมิได้มาจากทะเลเมดิเตอเรเนียนข้ามฝรั่งเศสและเยอรมันไปยังตะวันออกและหลังจากนั้นก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่กระแสการอพยพนี้เคลื่อนไปในทิศทางตะวันตกจากคอเคซัสผ่านยูเครนเข้าไปยังโปแลนด์และหลังจากนั้นก็เข้าไปยังยุโรปตอนกลาง เมื่อการตั้งถิ่นฐานครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้มีขึ้นในโปแลนด์ ในตะวันตกไม่มีชาวยิวจำนวนมากพอในขณะที่ในตะวันออก พวกยิวทั้งหมดได้อพยพไปยังพรมแดนใหม่”

โคสต์เลอร์กล่าวว่า“ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรคาซาร์เริ่มต้นดูเหมือนกับการเล่นตลกอันโหดร้ายที่ประวัติศาสตร์เคยกระทำมา” ในระหว่างนั้นเองที่ศาสนายูดายได้พัฒนาคนสองกลุ่มให้มีความแตกต่างกันโดยต้นกำหนดทางภูมิศาสตร์และประเพณีทางวัฒนธรรม นั่นคือ กลุ่มอัชเคนาซ (Ashkenaz) และเซฟาร์ดิม (Sephardim)


อัชเคนาซ

คำว่า “อัชเคนาซ” ได้ถูกพวกยิวใช้เป็นชื่อฮิบรูสำหรับประเทศเยอรมันที่ชุมชนยิวที่สำคัญกลุ่มหนึ่งได้เกิดขึ้น พวกอัชเคนาซอาศัยอยู่ในดินแดนของอาณาจักรโรมัน หรือ (ยุโรปตอนเหนือ ตอนกลางและตะวันออก) ยิวอัชเคนาซอาศัยอยู่ในเทือกเขาไรน์แลนด์และในประเทศฝรั่งเศสเพื่อนบ้านก่อนที่จะมีการอพยพไปทางตะวันออกยังแผ่นดินของพวกสลาฟ (นั่นคือโปแลนด์ ลิธัวเนียและรัสเซีย) หลังสงครามครูเสด (ศตวรรษที่ 11-13) พวกยิวทั้งหมดที่ปฏิบัติตามพิธีกรรมแบบเยอรมันถูกเรียกว่าอัชเคนาซิมเพื่อแยกพวกนี้ออกจากพวกยิวเซฟาร์ดิม (ยิวที่ปฏิบัติศาสนาแบบสเปน)

ยิวอัชเคนาซได้อพยพไปทางตะวันออกเข้าไปในโปแลนด์ระหว่างศตวรรษที่ 15 และ 16 หลายคนอพยพไปยังอเมริกาเหนือและปาเลสไตน์ในระหว่างศตวรรษที่ 19 และ 20

ยิวอัชเคนาซมีกฎหมาย ประเพณี พิธีสวดมนต์และภาษาเป็นของตนเอง ภาษายิดดิช (ภาษาที่ยิวในเยอรมันใช้พูด) เป็นภาษาพื้นเมืองของพวกอัชเคนาซ ปัจจุบัน พวกอัชเคนาซมีจำนวน 85% (10.2 ล้านคน) ของชาวยิวทั้งหมดในโลก ดังนั้น หากจะพูดไป คำว่ายิวนั้นมีความหมายเดียวกันกับยิวอัชเคนาซ


เซฟาร์ดิม

เซฟาร์ดี (จากคำว่าเซฟารัดในภาษาฮิบรูซึ่งแปลว่าสเปน) เป็นยิวกลุ่มหนึ่งหรือลูกหลานของคนพวกนี้ที่อาศัยอยู่ในสเปนและโปรตุเกสตั้งแต่ยุคกลางจนกระทั่งชาวยิวเหล่านี้ได้ถูกกดขี่ข่มเหงและถูกขับไล่ไปยังอาฟริกาเหนือในปลายศตวรรษที่ 15

ปรัชญาและการออกกฎหมายอย่างเป็นระบบเป็นสิ่งที่ยิวกลุ่มเซฟาร์ดีถนัด แต่ก็ถูกต่อต้านโดยพวกอัชเคนาซที่ชอบศึกษาคัมภีร์ตัลมูดฉบับบาบิโลน พวกยิวในพื้นที่ของชาวคริสเตียนแห่งคาบสมุทรไอบีเรียถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก ไม่เหมือนกับพวกยิวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของมุสลิม จนในที่สุดก็ต้องถูกขับไล่ออกไปใน ค.ศ.1492-1497 หลังจากที่พวกคริสเตียนเข้ามยึดครองคาบสมุทรไอบีเรียไปจากมุสลิม หลังจากที่หลบลี้หนีภัยไปยังอาฟริกาเหนือและเขตแดนตะวันออกของอาณาจักรออตโตมานในตอนแรก ในที่สุดพวกเซฟาร์ดิมก็ได้ที่ตั้งถิ่นฐานอีกแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ (โดยเฉพาะอัมสเตอร์ดัม) อังกฤษ อิตาลี บอลข่าน (โดยเฉพาะซาโลนิกาในมาซิโดเนีย) และรัฐยุโรปอื่นๆ

พวกเซฟาร์ดิมส่วนใหญ่ยังคงใช้ภาษายูดีโอ-สแปนิช (ลาดิโน) วรรณกรรมและประเพณีท้องของตนไว้ ลักษณะของพวกเซฟาร์ดิมจะเห็นได้จากการยึดถือพิธีกรรมทางศาสนาตามแบบบาบิโลนซึ่งขัดกับประเพณีของชาวปาเลสไตน์ที่พวกอัชเคนาซรักษาไว้ ประมาณกันว่าทั่วโลกนี้ชาวยิวประมาณ 700,000 คนเป็นพวกเซฟาร์ดิม

นอกจากนี้แล้ว คำว่าเซฟาร์ดิมยังได้ถูกใช้ในความหมายกว้างๆเพื่อหมายถึงพวกยิวแห่งอาฟริกาเหนือและตะวันออกกลางที่พูดภาษาอาหรับ เปอร์เวียหรือภาษาอาราเมอิคและผู้ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางด้านบรรพบุรุษกับยิวในพื้นที่ยุโรป เนื่องจากพวกเหล่านี้ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของพวกเซฟาร์ดิมได้ปฏิบัติตามประเพณีศาสนายูดายของบาบิโลน คนพวกนี้จึงได้ถูกรวมไว้เป็นพวกเดียวกัน

ในอิสราเอล จำนวนของพวกอัชเคนาซและเซฟาร์ดิมมีจำนวนเท่าๆกันและหัวหน้าแรบไบหรือนักบวชของพวกยิวก็มีทั้งที่เป็นอัชเคนาซและเซฟาร์ดิมโดยมีศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกัน การแต่งงานกับคนนอกหมู่ชาวยิวถือเป็นที่ต้องห้าม


ยิวตะวันออก (Oriental Jew)

คำว่ายิวตะวันออกถูกใช้กับพวกยิวแห่งอาฟริกาเหนือและตะวันออกกลางที่ไม่มีความสัมพันธ์กับสเปนหรือเยอรมันและเป็นยิวที่พูดภาษาอาหรับ เปอร์เซียหรือภาษาอาราเมอิคโบราณ อย่างไรก็ตาม การใช้คำว่าเซฟาร์ดิมก็หมายถึงยิวอาฟริกาเหนือทั้งหมดและยิวอื่นๆที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาแบบพวกเซฟาร์ดิม

ยิวตะวันออกประมาณกันว่ามีจำนวน 1.5 ล้านคนอาศัยอยู่ในอาฟริกาเหนือและตะวันออกกลางมาเป็นเวลาหลายศตวรรษและมีบรรพบุรุษที่มิได้อาศัยอยู่ในเยอรมันหรือสเปน ดังนั้น ยิวกลุ่มนี้จึงแตกต่างไปจากยิวอีกสองกลุ่มที่กล่าวมา

ในดินแดนของอาหรับแห่งโมรอคโค อัลจีเรีย ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ เยเมน จอร์แดน เลบานอน อิรักและซีเรีย ยิวตะวันออกพูดภาษาอาหรับเป็นภาษาท้องถิ่น ในอิหร่าน อาฟกานิสถานและบุคอรอ พวกนี้จะพูดภาษาฟาร์ซี (เปอร์เซีย) ในขณะที่ในเคอร์ดิสถาน (พื้นที่ส่วนหนึ่งที่อยู่ระหว่างตุรกี อิรัก อิหร่าน ซีเรียและอาร์มีเนีย) ภาษาของยิวพวกนี้คือภาษาอาราเมอิคโบราณ

ยิวตะวันออกบางคนได้อพยพไปยังอินเดีย ส่วนอื่นๆของเอเซียกลางและจีน ในหมู่ชาวยิวตะวันออกบางกลุ่ม (โดยเฉพาะในเยเมนและอิหร่าน) นิยมการมีเมียหลายคน หลังจากที่มีการก่อตั้งรัฐอิสราเอลใน ค.ศ.1948 พวกยิวเยเมน อิรักและลิเบียและส่วนใหญ่ของชุมชนชาวยิวตะวันออกอื่นๆได้พากันอพยพไปยังอิสราเอล


พวกฟาลาชา (Falasha)

ฟาลาชาเป็นยิวที่อาศัยอยู่ในเอธิโอเปีย ไม่มีใครรู้ถึงต้นกำเนิดของยิวกลุ่มนี้ มีตำนานอ้างว่าบรรพบุรุษของคนกลุ่มนี้คือเมเนลิคลูกของกษัตริย์โซโลมอนของอิสราเอลและราชินีชีบา นักวิชาการบางคนกล่าวว่าคนกลุ่มนี้มีมาก่อนคริสตกาลถึงสองศตวรรษ พวกฟาลาชาส่วนใหญ่ไม่รู้จักทั้งคัมภีร์ตัลมูดของบาบิโลนหรือปาเลสไตน์และไม่รู้จักคัมภีร์ใดๆของพวกฮิบรู คำว่าฟาลาชาเป็นภาษาอาราเมอิคที่มีความหมายว่า “เนรเทศ” หรือ “ผู้ไร้แผ่นดิน” พวกฟาลาชาได้ถูกตัดออกจากประชาคมยิวมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทางศาสนาในอิสราเอลได้ยอมรับเอกลักษณ์ความเป็นยิวของคนกลุ่มนี้ในตอนต้นทศวรรษ 1980 และเริ่มลำเลียงคนพวกนี้มาทางเครื่องบิน ศาสนาของพวกฟาลาชาเป็นรูปแบบที่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขมาจากศาสนายูดายแบบโมเซอิคซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงหลังยุคคัมภีร์ไบเบิล พวกฟาลาชามีวันเฉลิมฉลองที่กล่าวไว้ในคัมภีร์และที่มิได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ถึงแม้ว่าการเฉลิมฉลองอย่างหลังนี้จะไม่เหมือนกับพวกยิวอื่นๆ ยิวกลุ่มนี้ปฏิบัติตามกฎการอดอาหารในคัมภีร์ไบเบิล แต่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของพวกแรบไบหลังยุคคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับเรื่องความแตกต่างระหว่าง เนื้อและอาหารประเภทนม พวกฟาลาชาไม่มีแรบไบในหมู่พวกตน

พวกฟาลาชากว่า 12,000 คนได้ถูกลำเลียงทางเครื่องบินไปยังอิสราเอลตั้งแต่ตอนปลายปี 1984 ไปจนกระทั่งต้นปี 1985 เมื่อรัฐบาลเอธิโอเปียส่งยุติโครงการ แต่ใน ค.ศ.1989 ก็มีการกลับมาลำเลียงพวกฟาลาชาอีกครั้งหนึ่ง และใน ค.ส.1990 พวกฟาลาชาประมาณ 3,500 คนได้อพยพไปยังอิสราเอล ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1991 รัฐบาลอิสราเอลได้ขนย้ายพวกฟาลาชาที่ยังหลงเหลืออยู่ในเอธิโอเปียมากกว่า 14,000 คนและส่วนใหญ่แล้วคนพวกนี้จะตั้งถิ่นฐานอยู่ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน

ในเดือนเมษายน ค.ศ.2000 อิสราเอลได้ประกาศว่าจะทำการตรวจสอบคำกล่าวอ้างของพวกเอธิโอเปียประมาณ 20,000 คนที่กล่าวว่าพวกตนเป็นชาวยิวและต้องการที่จะอพยพไปยังอิสราเอลใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่จำนวนชาวเอธิโอเปียที่อยู่แล้วมากกว่า 60,000 คนในอิสราเอลนั้นทำให้มันไม่ใช่เรื่องง่าย และคนพวกนี้ก็พบว่าตัวเองได้กลายเป็นคนแปลกหน้า

ชุมชนชาวเอธิโอเปียนในอิสราเอลไม่ได้ประสมกลมกลืนไปกับสังคมชาวอิสราเอล ชาวเอธิโอเปียได้รับความเดือดร้อนจากการถูกแบ่งแยกทางเชื้อชาติและหลายคนได้ฆ่าตัวตาย การเป็นทหารเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวอิสราเอลซึ่งยิวเอธิโอเปียเหล่านี้ได้เข้าไปใช้และในขณะนี้ก็มีชาวเอธิโอเปียจำนวนมากมีชื่ออยู่ในกองทัพ

แปลโดย อาจารย์บรรจง บินกาซัน ข้อมูลจาก Islamweb.net คัดลอกจาก: Islamonline.com







Copyright © 2010-2011 All Rights Reserved.
https://www.facebook.com/proconsmicropiles