ความหมายของการฆ่าตัวตาย
การฆ่าตัวตายในที่นี้หมายถึงการฆ่าตัวเองเพราะความโกรธ ความเจ็บปวดหรือเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างทางโลก บรรดานักวิชาการมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นที่ต้องห้ามและยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบาปใหญ่ที่จะต้องได้รับโทษในนรกอีกด้วย คัมภีร์กุรอาน 4:29-30กล่าวว่า จงอย่าฆ่าตัวของสูเจ้าเอง แท้จริง อัลลอฮฺทรงเมตตาสูเจ้าเสมอ และใครก็ตามที่ทำเช่นนั้นโดยการเป็นศัตรูและความอธรรม เราจะเผาเขาในไฟนรก และนั่นเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮฺ (ดู ตัฟซีรฺ อัล-กุรตุบี 5/156)
ในบรรดาผู้คนก่อนหน้าสูเจ้านั้นมีชายคนหนึ่งได้รับความเจ็บปวดเพราะพิษบาดแผล ดังนั้น เขาจะเอามีดออกมาตัดมือของเขาซึ่งทำให้เลือดไหลไม่หยุดจนกระทั่งเขาได้เสียชีวิต อัลลอฮฺได้กล่าวว่า บ่าวของฉันได้เร่งรีบจบชีวิตของตัวเอง ดังนั้น ฉันห้ามมิให้เขาได้เข้าสวรรค์ (บุคอรีและมุสลิม)
ใครก็ตามที่แขวนคอตัวเองก็จะถูกแขวนคออยู่ในไฟนรก และใครก็ตามที่แทงตัวเองก็จะแทงตัวเองในไฟนรก (บุคอรีและมุสลิม)
ฮะดีษเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีอีกมาก ความจริงแล้ว เราได้ถูกสั่งมิให้แม้แต่จะอยากตายเสียด้วยซ้ำ
สูเจ้าคนหนึ่งคนใดอย่าได้คิดอยากตายเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นแก่เขา แต่ถ้าหากเขาต้องตาย เขาควรจะวิงวอนว่า ข้าแต่อัลลอฮฺ โปรดทรงรักษาชีวิตของฉันให้ยาวนานตราบใดที่ชีวิตเป็นสิ่งดีกว่าสำหรับฉัน และโปรดทรงเอาชีวิตฉันไปเมื่อความตายเป็นการดีกว่าสำหรับฉัน (บุคอรีและมุสลิม)
ตัวบททั้งหมดที่ห้ามการฆ่าตัวตายนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการฆ่าตัวเองเพราะแรงจูงใจทางโลกเช่นความเจ็บปวดหรือการความโกรธแค้นหรือการขาดความอดทน มิใช่เพื่อเชิดชูวจนะของอัลลอฮฺให้สูงส่ง เราได้ยกหลักฐานเรื่องการอนุญาตให้มุญาฮิดบุกเข้าไปแนวรบของศัตรูโดยปราศจากอาวุธมาอ้างและการกระทำดังกล่าวของบรรดามุญาฮิดนั้นจะเอาตัวบทเกี่ยวกับเรื่องการฆ่าตัวตายมาใช้ไม่ได้ ดังนั้น ใครจะกล้ากล่าวว่าคนที่ฆ่าตัวเองเพื่อเชิดชูวจนะของอัลลอฮฺให้สูงส่ง หรือเพื่อสร้างความสูญเสียให้แก่ศัตรู หรือเพื่อทำให้พวกศัตรูหวาดกลัวและทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์เป็นคนที่ฆ่าตัวตาย ? การกล่าวเช่นนั้นถือเป็นการกล่าวร้ายอย่างหนัก เราขอกล่าวว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นผลมาจากความอ่อนแอหรือการขาดความศรัทธาในขณะที่มุญาฮิดที่ปฏิบัติการพลีชีพนั้นทำไปเพราะความศรัทธาที่เข้มแข็งของเขา เด็กที่ถูกกล่าวถึงในซูเราะฮอัล-บุรูจญ์นั้นฆ่าตัวเองเพราะเหตุผลดังกล่าวและการกระทำเขาเป็นที่ได้รับการยกย่อง ในทำนองเดียวกัน ท่านนบีเองก็ปรารถนาที่จะตายในหนทางของอัลลอฮฺไม่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ถึงสามครั้ง และมันเป็นที่อนุญาตก็เพราะการพลีชีวิตในหนทางของอัลลอฮฺไม่ได้เกิดมาจากท่านได้รับความเจ็บปวดเดือดร้อน แต่เพราะมันเกิดขึ้นมาจากความศรัทธาที่เข้มแข็งต่างหาก ดังนั้น เมื่อเหตุผลของการห้ามฆ่าตัวตายเป็นที่ชัดเจนแล้ว เราก็สามารถสรุปได้ว่าปฏิบัติการพลีชีพเป็นที่ได้รับอนุญาตและได้รับการยกย่องก็ต่อเมื่อมันได้ถูกกระทำไปเพื่อผลประโยชน์ทางศาสนา
บทสรุป
เราได้สรุปไปแล้วว่าปฏิบัติการพลีชีพเป็นที่ได้รับอนุญาต และความจริงแล้ว มุญฮิดที่ถูกฆ่าในปฏิบัติการพลีชีพนั้นดีกว่าผู้ถูกฆ่าอยู่ในแนวรบของตนเองเพราะในหมู่ผู้พลีชีพ(หรือชะฮีด)นั้นก็มีระดับที่แตกต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาท ความพยายามและความเสี่ยงของการปฏิบัติการ หลังจากนั้นเราก็ได้อธิบายไปว่าปฏิบัติการพลีชีพสร้างความสูญเสียให้แก่มุญาฮิดีนน้อยที่สุดและสร้างความเสียหายให้แก่ศัตรูมากที่สุดเพียงใด เราได้ยินเช่นเดียวกับที่พวกท่านต้องได้ยินว่านักวิชาการส่วนใหญ่ในปัจจุบันได้อนุญาตปฏิบัติการดังกล่าว อย่างน้อยที่สุดก็มีคำตัดสินที่ให้การอนุญาตในเรื่องนี้ออกมาแล้วถึง 30 คำตัดสิน เราได้อธิบายไปแล้วว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากการบุกเดี่ยวเข้าไปในแนวรบของศัตรูซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากบรรดานักนิติศาสตร์อิสลาม หลังจากนั้น เราก็ยังได้กล่าวต่อไปอีกว่าเราเห็นด้วยกับทัศนะที่ว่าการปฏิบัติการพลีชีพเป็นที่ได้รับอนุญาตถึงแม้ผู้ปฏิบัติการจะมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือเพื่อพลีชีพในหนทางของศาสนาถึงแม้ว่ามันอาจจะมิได้เป็นการปฏิบัติที่เล็งผลเลิศอะไรนัก ปฏิบัติการพลีชีพไม่อาจกระทำได้หากปราศจากเงื่อนไขต่อไปนี้ :-
1) เจตนาของผู้ปฏิบัติการจะต้องบริสุทธิ์ในการเชิดชูวจนะของอัลลอฮฺ
2) ผู้ปฏิบัติการพลีชีพจะต้องแน่ใจแล้วว่าไม่มีหนทางอื่นใดที่จะประกันความปลอดภัยให้แก่ชีวิตของเขาได้ในการที่จะบรรลุถึงสิ่งที่ต้องการ
3) ผู้ปฏิบัติการพลีชีพจะต้องแน่ใจในการสร้างความสูญเสียให้แก่ฝ่ายศัตรูหรือทำให้ศัตรูหวาดกลัวหรือทำให้มุสลิมเกิดความกล้าหาญ
4) ผู้ปฏิบัติการพลีชีพจะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางยุทธศาสตร์สงครามโดยเฉพาะผู้บัญชาการสงครามเพราะมิเช่นนั้นแล้วเขาอาจจะทำให้แผนการได้รับความเสียหายและทำให้ศัตรูไหวตัวก่อน
ถ้าหากไม่มีเงื่อนไขข้อ 1) ปฏิบัติการพลีชีพของคนผู้นั้นก็ไม่คุณค่าใดๆ แต่ถ้าหากมีเงื่อนไขข้อแรกและขาดข้ออื่นๆ ปฏิบัติการนั้นก็มิใช่ปฏิบัติการที่ดีที่สุด แต่นี่มิได้หมายความว่ามุญาฮิดมิใช่ชะฮีด นอกจากนี้แล้ว เรายังได้อธิบายด้วยว่าการเป็นสาเหตุให้เกิดการตายนั้นก็มีผลเหมือนกับการฆ่าจริงๆ ดังนั้น ใครที่กระโจนเข้าไปในหมู่ศัตรูโดยปราศจากอาวุธโดยแน่ใจว่าตายแน่ๆเหมือนกับผู้ปฏิบัติการพลีชีพก็คือผู้ที่เป็นสาเหตุให้ตัวเองตาย แต่พวกเขาได้รับการยกย่องเพราะสถานการณ์และเจตนา ดังนั้น จึงมิถูกถือว่าเป็นผู้ฆ่าตัวตาย เราได้ให้ความกระจ่างด้วยว่า (ตามมติส่วนใหญ่) ในการตัดสินว่าใครจะได้ฐานะเป็นผู้พลีชีพในหนทางของศาสนา(ชะฮีด)นั้นจะไม่นำลักษณะของผู้ฆ่ามาพิจารณา ใครที่คิดว่ามุญาฮิดฆ่าตัวตายจะได้หมดความสงสัยไป ดังนั้น ปฏิบัติการพลีชีพจึงสามารถกระทำได้ตามหลักชะรีอ๊ะฮฺทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจตนาและสถานการณ์ ประการสุดท้าย เราได้ชี้แจงด้วยว่าการปลิดชีวิตตนเองนั้นมิใช่สิ่งที่น่าตำหนิเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการกระทำ ดังนั้น เราของสรุปว่าคนที่ยอมพลีชีวิตนเองเพราะความศรัทธาที่เข็มแข็งและเพราะความรักในอัลลอฮฺและนบีและเพื่อผลประโยชน์ของศาสนานั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ
ประการสุดท้าย เราจะต้องชี้ออกมาให้เห็นว่าเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เราขอขอบคุณต่ออัลลอฮฺที่พระองค์ได้ทรงให้เราทำเรื่องนี้ได้สมบูรณ์ ถ้าเราถูกต้อง นั่นก็เพราะอัลลอฮฺ ถ้าหากเราผิด มนุษย์ก็ย่อมมีผิดเป็นธรรมดา ประการสุดท้าย ขอให้บรรดานักวิชาการและนักศึกษาวิจารณ์และให้คำแนะนำแก่เราเพราะเราก็ต้องการความช่วยเหลือ และขอให้พวกเขาเหล่านั้นเกรงกลัวอัลลอฮฺในการทำหน้าที่ดังกล่าวต่อเรา
ขอความสันติสุขและความจำเริญจงมีแด่ศาสนทูตของอัลลอฮฺผู้ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺจนกระทั่งได้จากโลกนี้ไปและขอความสันติและความจำเริญจงมีแด่ครอบครัวของท่านและบรรดาสาวกของท่านและผู้ปฏิบัติตามบุคคลเหล่านั้นในความดีจนกระทั่งวันแห่งการตัดสิน
บรรดาการสรรเสริญทั้งหลายเป็นของอัลลอฮฺพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก