ในระหว่างการรุกรานและการเข้ายึดครองเลบานอนตั้งแต่ปี 1978 – 2000 อย่างน้อยที่สุด พลเมือง 15,000 คนต้องเสียชีวิต ตัวอย่างหนึ่งของความโหดเหี้ยมทารุณของอิสราเอลก็คือการจงใจระเบิดศูนย์กลางของสหประชาชาติในกอนาซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมานี้เอง บทความต่อไปนี้มิได้เขียนโดยชาวปาเลสไตน์ ชาวอาหรับหรือแม้แต่ชาวมุสลิม แต่เขียนโดยโรเบิร์ต ฟิสก์ ชาวอังกฤษนักหนังสือพิมพ์ที่ได้รับการนับถือมากที่สุดคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ในตะวันออกกลาง เขาได้เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์ “เดอะ อินดีเพนเดนท์”ของลอนดอน ถ้าหากชาวอเมิกันต้องการที่จะเข้าใจความเกลียดชังที่อิสราเอลกำลังสร้างให้แก่อเมริกา ก็จงกล้าที่จะอ่านเรื่องอันน่าขนพองสยองเกล้านี้และกล้าที่จะดูภาพที่แสดงถึงความโหดเหี้ยมทารุณของพวกอิสราเอล
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ได้อ่านเรื่องราวอันชุ่มโชกไปด้วยเลือดเกี่ยวกับการเข่นฆ่าสังหารชาวยิวในเตาแกสหรือแม้แต่เรื่องราวของเหยื่อชาวอิสราเอลที่ตกเป็นเหยื่อของระเบิดพลีชีพมานับไม่ถ้วน พวกเขาเคยดูภาพยนตร์ระทึกขวัญหรือสารคดีมากมายเกี่ยวกับผู้เคราะห์ร้ายชาวยิว แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เคยได้อ่านเรื่องราวที่กำลังจะนำมากล่าวต่อไปนี้แม้แต่เพียงครั้งเดียว พวกคุณจะไม่ได้อ่านเรื่องราวเช่นนี้ในหนังสือพิม์หรือนิตยสารอเมริกัน
กอนา, เลบานอนตอนใต้ – มันเป็นการสังหารหมู่ครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่ซาบราและชาติลลา ผมไม่เคยเห็นเด็กไร้เดียงสาถูกเข่นฆ่าสังหารเช่นนี้มาก่อน ผู้อพยพชาวเลบานอนทั้งที่เป็นผู้หญิง เด็กและผู้ชายนอนตายเกลื่อนอยู่เป็นกองโดยที่มือหรือแขนหรือขายขาดหายไป บางคนก็หัวขาดหรือไม่ก็ท้องไส้ทะลัก ศพเหล่านี้มีจำนวนเกินกว่าร้อย เด็กทารกนอนตายโดยไม่มีหัว สะเก็ดระเบิดของพวกอิสรเอลได้ตัดผ่านพวกเขาในขณะที่พวกเขาหลบอยู่ในที่พักของสหประชาชาติโดยเช่อว่าพวกเขาจะปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของโลก เช่นเดียวกับมุสลิมในเซรเบรนิคา มุสลิมแห่งกอนาคิดผิด
ข้างหน้าอาคารกองบัญชาการทหารฟิญิอานของสหประชาชาติที่กำลังไฟไหม้ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกอดศพหนึ่งไว้ในแขนของเธอ เป็นร่างของชายผมสีเทาที่ตาของเขากำลังจ้องมองเธอ เธอเขย่าศพนั้นไปมาในอ้อมแขนของเธอพร้อมกับร้องไห้และส่งเสียงร้องอยู่คำเดียวครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “พ่อ พ่อ” ทหารของสหประชาชาติในค่ายฟิญิอานคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางทะเลศพโดยไม่พูดอะไร แต่ในมือของเขานั้นมีร่างของเด็กที่หัวขาดไปจากตัว ….เมื่อผมเดินไปยังพวกเขา ผมต้องลื่นล้มไปบนมือของมนุษย์…
การเข่นฆ่าสังหารพลเมือง นับได้ 206 เมื่อคืน โดยพวกอิสราเอลในการบุกโจมตีเป็นเวลา 10 วันนี้เป็นไปอย่างเหี้ยมโหดทารุณจนไม่อาจที่จะมีชาวเลบานอนให้อภัยในการสังหารหมู่ครั้งนี้ได้ รถพยาบาลก็ถูกโจมตีเมื่อคืนวันเสาร์ ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน แม่ชีหลายคนถูกฆ่าในโยห์โมร์ และเด็กผู้หญิงสองขวบหนึ่งคนได้ถูกจรวดของอิสราเอลจนร่างกระจุยเมื่อสี่วันก่อน ในตอนเช้าเมื่อวานนี้ พวกอิสราเอลได้สังหารครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิก 12 คน คนเล็กที่สุดเป็นเด็กอายุ 4 วันเมื่อนักบินเฮลิคอปเตอร์ของอิสราเอลได้ยิงจรวดลงมาใส่บ้านของพวกเขา หลังจากนั้นไม่นาน เครื่องบินรบสามลำของอิสราเอลก็ทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายที่ห่างจากขบวนรถของสหประชาชาติเพียง 250 เมตรซึ่งผมร่วมเดินทางอยู่ด้วย ระเบิดดังกล่าวได้ทำลายบ้านหลังหนึ่งกระเด็นขึ้นไปในอากาศถึง 30 ฟุตต่อหน้าต่อตาผม เมดื่อเดินทางกลับเบรุตเพื่อสรุปรายงานการสังหารหมู่ที่กอนาให้หนังสือพิมพ์อินดีเพนเดนท์เมื่อคืนนี้ ผมได้พบเรือปืนสองลำของอิสราเอลกำลังยิ่งรถยนตร์ของพลเรือนคันหนึ่งบนสะพานข้ามแม่น้ำตอนเหนือของเมืองไซดอน
ทหารสหประชาชาติชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งสบถพึมพำต่อตัวเองในขณะที่เขาเปิดถุงซึ่งในนั้นเขากำลังเอาฟัน นิ้วและเศษแขนของคนใส่ลงไป…เราได้กลายเป็นผู้ที่มิใช่ทหารสหประชาชาติและนักหนังสือพิมพ์ แต่เป็นชาวตะวันตก พันธมิตรของอิสราเอล เป้าหมายของความเกลียดชังและเคียดแค้น ชายไว้เคราคนหนึ่งจ้องมาเราด้วยสายตาที่ดุร้าย หน้าของเขาดำด้วยความโกรธแค้น “แก คนอเมริกัน” เขาตะโกนใส่เรา “อเมริกันเป็นหมา พวกแกทำสิ่งนี้ คนอเมริกันเป็นหมา”
ประธานาธิบดีคลินตันได้ทำตัวเป็นพันธมิตรกับอิสราเอลในการทำสงครามต่อต้าน “ลัทธิก่อการร้าย” และชาวเลบานอนไม่ลืมสิ่งนี้ การแสดงความเศร้าโศกอย่างเป็นทางการของอิสราเอลเป็นการโรยเกลือลงไปในบาดแผลของพวกเขา ชายแก่คนหนึ่งกล่าวว่า “ผมอยากทำตัวเป็นระเบิดและระเบิดตัวเองในหมู่ชาวอิสราเอล” (23) ถ้าหากชาวอเมริกันทุกคนอ่านบทความโดยโรเบิร์ต ฟิสก์ข้างต้น พวกเขาก็จะเข้าใจว่าทำไมอเมริกาถึงได้ถูกเกลียดชังและทำไมตอนนี้เราจึงต้อเผชิญหน้าการโจมตีแบบกามิกาเซ่ของผู้ก่อการร้าย ถ้าหากคุณอยากจะรู้ถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของอุซามะฮ์ บินลาดิน วารสารเนชั่นได้สัมภาษณ์เขาเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1998 คุณจะได้เห็นปฏิกริยาของเขาต่อการสังหารหมู่ที่กอนาของพวกอิสราเอล
เมื่อผมเห็นบินลาดินครั้งสุดท้าย เขายังคงหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับการสังหารหมู่ผู้อพยพชาวเลบานอน 107 คนที่พักอาศัยอยู่ในค่ายของสหประชาชาติที่กอนาในเดือนเมษายน 1996 อิสราเอลอ้างว่ามันเป็น “ความผิดพลาด” แต่สหประชาชาติเห็นเป็นอย่างอื่นและประธานาธิบดีคลินตันเรียกมันว่าเป็นแค่เพียง “โศกนาฏกรรม” เหมือนกับว่ามันเป็นหายนะภัยทางธรรมชาติ บินลาดินกล่าวว่ามันเป็น “การก่อการร้ายระหว่างประเทศ” เขากล่าวว่ามันจะต้องมีความยุติธรรมและการไต่สวนผู้ทำผิดชาวอิสราเอล คลินตันใช้คำที่เกือบจะเหมือนกันนี้เกี่ยวกับบินลาดินและผู้สนับสนุนเขาในเดือนกันยายน แต่เช่นเคย คนหูหนวกกำลังพูดกับคนหูหนวก” (24) คนอเมริกันส่วนใหญ่จะไม่เห็นเรื่องใดๆอย่างเช่นเรื่องเกี่ยวกับกอนาที่เขียนโดยโรเบิร์ต ฟิสก์ การควบคุมหนังสือพิมพ์และรัฐบาลอเมริกันอย่างแน่นหนาของอิสราเอลได้กลบเรื่องราวความโหดเหี้ยมของอิสราเอลที่กระทำต่อชาวปาเลสไตน์ได้อย่างประสบผลสำเร็จ ตอนนี้ผมจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถปกปิดการกระทำสงครามฆาตกรรมของอิสราเอลและการก่อการร้ายต่อสหรัฐอเมริกาไว้ด้วย
การก่อการร้ายของอิสราเอลต่ออเมริกา
ใน ค.ศ.1954 รัฐบาลอิสราเอลได้ปฏิบัติการลับต่อสหรัฐฯโดยเรียกปฏิบัติการนั้นว่าปฏิบัติการ “ซูซานนะฮ์” ปฏิบัติการดังกล่าวมีแผนที่จะฆ่าชาวอเมริกันและระเบิดหน่วยงานของอเมริกันในอียิปต์ แผนการของพวกอิสราเอลก็คือการทิ้งหลักฐานเท็จไว้ให้สงสัยว่าพวกอียิปต์เป็นคนทำทั้งนี้เพื่อที่จะทำให้อเมริกาเคียงข้างกับอิสราเอลเข้าสู่สงครามกับอียิปต์ สายลับชาวยิวประสบผลสำเร็จในการระเบิดสำนักงานไปรษณีย์และห้องสมุดอเมริกันในไคโรและในอเล็กซานเดรีย ในขณะที่กำลังจะระเบิดโรงภาพยนตร์อเมริกันโมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์ ระเบิดลูกหนึ่งของสายลับอิสราเอลได้ถูกกู้เสียก่อนที่จะระเบิด แผนการดังกล่าวจึงถูกเปิดโปงออกมา
เนื่องจากสายลับอิสราเอลหลายคนถูกจับได้ โลกจึงได้รู้ถึงเรืองการทรยศของพวกอิสราเอล ดังนั้น นายพินฮาส ลาวอน รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอลจึงถูกบีบให้ลาออกในเวลาต่อมา เรื่องราวดังกล่าวเป็นที่เรียกกันว่า “กรณีลาวอน” ปัจจุบันนี้ สื่ออเมริกันที่ถูกพวกยิวครอบงำและหนังสือต่างๆพยายามที่จะปกปิดเรื่องการทรยศของพวกอิสราเอลต่อเรา คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น กรณีลาวอนมีพูดอยู่เพียงนิดหน่อยในหนังสือสารานุกรมเอ็นซาทรา (Encuclopedia Encatra)ที่แพร่หลาย มันอยู่ในบทความชิ้นหนึ่งที่พูดถึงนายเบนกูเรียนซึ่งเขียนโดยนายเบอร์นาร์ด ไรช์ผู้นิยมไซออนิสต์ อีกอย่างหนึ่ง ผู้เขียนบทความนี้ก็เขียนในรูปแบบของสื่อธรรมดา เมื่อคนอเมริกันคิดว่าว่าพวกเขากำลังอ่านสารานุกรมท่ไม่มีอคติหรือวารสารข่าว พวกเขาก็ไม่ได้อ่านอะไรมากไปกว่าอ่านเรื่องบิดเบือนที่ถูกเขียนโดยพวกยิวไซออนิสต์
นายเบนกูเรียนได้หวนกลับสู่การเมืองในปี 1955 เพื่อแทนที่นายพินฮาส ลาวอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ลาออกหลังจากประสบความล้มเหลวในการทำลายความสัมพันธ์ของอียิปต์กับตะวันตก (25)
ดูสิครับว่าบทความเพียงแค่กล่าวว่า “ประสบความล้มเหลวในการก่อวินาศกรรมทำลายความสัมพันธ์ของอียิปต์กับตะวันตก” นี่หมายความว่าอะไร ? คำว่า “ทำลายความสัมพันธ์” ดูเหมือนกับว่าอิสราเอลอาจจะพูดอะไรบางสิ่งเกี่ยวกับอียิปต์และอเมริกาซึ่งทำให้ทั้งสองต่างบาดหมางกัน การหลอกลวงอย่างจงใจที่นักเขียนชาวยิวใช้ในบทความนี้เป็นวิธีการธรรมดาของการบิดเบือนที่มีอยู่นับครั้งไม่ถ้วนในสื่อมวลชน
หนังสือสารานุกรมเอ็นซาทราควรจะกล่าวว่า : “…ผู้ถูกบีบให้ลาออกหลังจากที่อิสราเอลถูกจับได้ว่ากระทำการก่อการร้ายโดยการวางระเบิดสหรัฐฯเพื่อวางแผนร้ายยุแยงให้อเมริกาทำสงครามกับศัตรูของอิสราเอล”
ผมแน่ใจว่าเก้าสิบเปอร์เซนต์ของผู้ที่อานบทความนี้ไม่เคยได้ยินเรื่องที่กล่าวมา บางคนอาจคิดว่าผมกำลังสร้างเรื่องขึ้นมาทั้งหมด เอาละ ถ้าหากคุณยังสงสัยอยู่ว่าอิสราเอลได้กระทำการก่อการร้ายเหล่านี้ต่ออเมริกาในอียิปต์ ผมก็จะขอนำเอาตอนหนึ่งของบทความที่ปรากฏในนิตยสาร “โมเมนท์”ของยิวเมื่อเร็วๆนี้มาอ้าง บทความนี้เขียนโดยนายแซมมวล แคทซ์ซึ่งตรงไปตรงมา แต่ก็ยังตัดคำว่า “การก่อการร้าย”ที่ดูยั่วยุ แต่เป็นคำพูดที่อิสราเอลใช้เมื่อเมื่อพวกปาเลสไตน์ระเบิดห้องสมุดและโรงหนัง
และความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกับความสำเร็จ ในกลางทศวรรษที่ 50 อะมาน (สายลับทหารชาวยิว)ต้องเสียท่าอย่างหนักในระหว่าง “ปฏิบัติการซูซันนะฮ์”อันฉาวโฉ่เมื่อสายลับอิสราเอลได้ยุให้ชาวยิวในอียิปต์โจมตีเป้าหมายอเมริกันและอังกฤษและกระตุ้นความรู้สึกต่อต้านตะวันตก ยิวหลายคนถูกจับและบางคนได้ถูกประหารชีวิต ปฏิบัติการผิดพลาดนี้เป็นความอับอายขายหน้าสำหรับรัฐบาลของนายเดวิด เบนกูเรียนนายกรัฐมนตรีและนายพินฮาส รัฐมนตรีกลาโหมของเขา (26)
ดังนั้น ในกรณีลาวอน เราได้จึงได้เรียนรู้ว่าผู้ที่ถูกเรียกว่า “เพื่อที่ดีที่สุดในตะวันออกกลาง” อิสราเอลตอบแทนสหรัฐฯอย่างไรกับการที่สหรัฐให้การสนับสนุนทั้งทางด้านการเงินและการทหารโดยไม่มีเงื่อนไข โดยการก่อการร้ายต่อเรา แต่ลองคิดถึงความจริงดูสิว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เคยแม้แต่จะได้ยินเรื่องผู้ก่อการร้ายอิสราเอลโจมตีเรา
ถ้าหากรัฐบาลอียิปต์อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายครั้งนี้ต่ออเมริกา เราจะถือทันทีว่ามันเป็นการกระทำสงครามและเราจะโจมตีอียิปต์กลับทันทีเช่นเดียวกับที่เรากระทำต่ออาฟกานิสถาน และหนังสือพิมพ์ก็จะออกมาส่งเสียงไชโยให้แก่การโจมตีเช่นเดียวกับที่พวกเขาต้องการให้มีการโจมตี่อาฟกานิสถาน ความจริงแล้ว เราโจมตีอาฟกานิสถานโดยมีเหตุผลน้อยกว่าที่เรามีสำหรับการโจมตีอิสราเอลเสียอีก ไม่มีหลักฐานใดที่อาฟกานิสถานยอมรับหรือแม้แต่จะรู้เรื่องใดๆเกี่ยวกับการโจมตีตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์เสียด้วยซ้ำ แต่ในกรณีลาวอน รัฐบาลอิสราเอลได้กระทำสงครามต่อสหรัฐฯโดยตรง แต่เรามิได้ทิ้งระเบิดเทลอาวีฟเป็นการตอบโต้ เราไม่ได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ความจริงแล้ว เราไม่ได้ตัดแม้กระทั่งความช่วยเหลือทางด้านการเงินและการทหารแม้แต่สักดอลล่าร์เดียว
หากเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนใดที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ชาวญี่ปุ่นหลังการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์จะถูกดำเนินคดีทันทีในฐานะผู้ทรยศต่อสหรัฐ
ขอผมพูดอย่างขวานผ่าซากว่าคนอเมริกันในรัฐบาลที่ยังคงให้การช่วยเหลือแก่อิสราเอลหลังจากการก่อการร้ายต่อประชาชนของสหรัฐฯนั่นแหละคือผู้กระทำการอันเป็นกบฏต่อประเทศของเรา
หลังจากที่อิสราเอลโจมตีเราในกรณีลาวอน ถ้าหากผู้นำอเมริกายับยั้งความช่วยเหลืออันเป็นกบฏต่ออิสราเอล มันก็จะไม่มีการก่อการร้ายต่อเราอย่างเช่นในกรณีการโจมตีตึกเวิร์ล เทรดและตึกเพนตากอน
ที่มา : โดย เดวิด ดุค ประธานแห่งชาติ องค์การเอกภาพและสิทธิยุโรป-อเมริกา แปลโดย บรรจง บินกาซัน Source: Thaimuslimshop.com , Davidduke.com