ใน ค.ศ.1967 ระหว่างสงครามหกวัน อิสราเอลก็ได้ปฏิบัติการก่อการร้ายต่อสหรัฐอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 8 มิถุนายน อิสราเอลได้ใช้เครื่องบินและเรือตอร์ปิโดที่ไม่มีเครื่องหมายโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้ของราชนาวีอเมริกันเป็นเวลาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งซึ่งยังผลให้ชาวอเมริกันต้องเสียชีวิต 34 คนและอีก 171 คนได้รับบาดเจ็บ (27) ในตอนแรก พวกอิสราเอลได้โจมตีหอคอยวิทยุของเรือก่อนเพื่อที่จะมิให้กองเรือที่ 6 รู้ว่าพวกอิสราเอลเป็นผู้โจมตี หลังจากที่เครื่องบินรบอิสราเอลที่ไม่มีเครื่องหมายทิ้งระเบิดและยิงกราดเข้าใส่เรือรบลิเบอร์ตี้แล้ว อิสราเอลก็ได้ส่งเรือตอร์ปิโดเข้าไปปิดฉากการปฏิบัติงาน พวกอิสราเอลใช้ปืนกลยิงแม้กระทั่งเรือช่วยชีวิตเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเหลือรอดมาเป็นพยานเปิดโปงพวกตน
แต่วีรกรรมและความคิดอันฉลาดหลักแหลมของกัปตันและลูกเรือเท่านั้นที่ทำให้แผนการของอิสราเอลไม่ประสบผลสำเร็จ พวกเขาสามารถรักษาเรือไว้ให้ลอยต่อไปและได้ติดต่อให้กองเรือรู้ว่าอิสราเอล มิใช่อียิปต์ที่โจมตีเรือ เมื่อรู้ว่าแผนการของตนถูกเปิดโปง อิสราเอลก็ถอยออกไปและอ้างว่าการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเข้าใจผิดว่าเรือรบลิเบอร์ตี้ของสหรัฐฯเป็นเรือรบของอียิปต์
นายดีนรัสค์รัฐมนตรีต่างประเทศในเวลานั้นและนายพลเรือโธมัส มัวเรอร์ประธานคณะเสนาธิการร่วมต่างออกมากล่าวเหมือนกันว่าการโจมตีครั้งนั้นมิใช่อุบัติเหตุที่อิสราเอลเจตนาโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้ของสหรัฐฯ ตัวอย่างเช่น วันนั้นอากาศสดใส ลมพัดอ่อนและเรือรบลิเบอร์ตี้ก็ชักธงอเมริกันผืนใหญ่และมีหมายเลขสัญลักษณ์สากลข้างลำเรือ เครื่องบินอิสราเอลบินเหนือเรือรบลิเบอร์ตี้เป็นเวลานานก่อนที่จะโจมตีและบินใกล้จนลูกเรือสหรัฐฯสามารถมองเห็นมือที่โบกออกมาในขณะที่เครื่องบินบินผ่าน เช่นเดียวกับกรณีของนายลาวอน อิสราเอลหวังที่จะป้ายความผิดการทำสงครามครั้งนี้ให้แก่อียิปต์ศัตรูของตน
สื่อมวลชนอเมริกันที่ถูกพวกยิวครอบงำมิได้แสดงความโกรธต่อการโจมตีครั้งนี้และยอมรับคำขอโทษของอิสราเอลโดยดี แม้แต่รัฐมนตรีต่างประเทศและประธานคณะเสนาธิการร่วมของเราก็ได้กล่าวว่าการโจมตีของอิสราเอลเป็นความจงใจ แต่พวกยิวก็สามารถล็อบบี้มิให้สภา คองเกรสเข้าไปสอบสวนการโจมตีดังกล่าว ในทางตรงกันข้าม เมื่อเรือรบพูโบลของสหรัฐฯซึ่งเป็นเรือคู่กับเรือรบลิเบอร์ตี้ถูกเกาหลีเหนือจับได้ในปีต่อมา (1968) โดยมีลูกเรือสหรัฐเสียชีวิตเพียงคนเดียว แต่ภายในหนึ่งปี สภาคองเกรสของสหรัฐฯได้ดำเนินการสอบสวนการโจมตีดังกล่าวในขณะที่ไม่มีการสอบสวนเรื่องการโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้ กัปตัน วิลเลียม แม็คโกนาเกิล เจ้าหน้าที่บังคับบัญชาเรือรบลิเบอร์ตี้ได้รับเหรียญรางวัลเกียรติยศคองเกรสชันแนลซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดของอเมริกาสำหรับความกล้าหาญของเขาในระหว่างการโจมตีของอิสราเอล แต่เขาได้รับรางวัลนี้ในพิธีการอันเงียบเชียบในลานหญ้าของราชนาวีสหรัฐฯ แทนที่จะเป็นในทำเนียบขาวตามประเพณีที่เคยปฏิบัติ ทั้งนี้เพื่อที่จะได้ไม่สร้างความเจ็บปวดให้แก่ภาพพจน์ของศตรูที่ฆ่าเพื่อนของเขาไป 34 ศพและทำให้ลูกเรืออเมริกันบนเรืออีก 174 คนต้องได้รับบาดเจ็บ
พวกผู้นำทางการเมืองของสหรัฐฯตอบโต้การกระทำสงครามของอิสราเอลครั้งนี้อย่างไร ? อเมริกาไปทิ้งระเบิดเทลอาวีฟเหมือนกับที่ทำกับกาบูลอาฟกานิสถานหรือไม่ ? เปล่าเลย รัฐบาลอเมริกันที่ถูกอิสราเอลควบคุมพร้อมกับสื่อที่ถูกพวกยิวครอบงำได้กระทำการอันเป็นกบฏต่ออเมริกาโดยปกปิดการโจมตีอันชั่วร้ายนี้และยังคงส่งเงินภาษีของชาวอเมริกันนับพันล้านดอลล่าร์ไปให้อิสราเอลในการช่วยเหลือทางด้านการเงินและการทหาร
อีกครั้งหนึ่งที่ผมจะขอยกตัวอย่างเพิร์ลฮาเบอร์ ถ้าเจ้าหน้าที่อเมริกันคนใดให้ความช่วยเหลือหรือปลอบใจญี่ปุ่นหลังการโจมตีในปี 1941 เขาก็จะถูกดำเนินคดีในฐานเป็นผู้ทรยศต่อสหรัฐฯ ผมขอกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันที่ให้ความร่วมมือกับพวกนักล็อบบี้ชาวยิวและสื่อที่ยังคงให้การสนับสนุนอิสราเอลหลังจากการโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้ว่าเป็นผู้ทรยศต่อสหรัฐอเมริกา
หลังจากที่อิสราเอลโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้อย่างทรยศ ถ้าหากเราเพียงแต่หยุดให้การสนับสนุนการกระทำอันเป็นกบฏของรัฐก่อการร้ายอิสราเอล เราก็จะไม่ได้รับเคราะห์กรรมจากการก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001
ใน ค.ศ.1980 อิสราเอลได้ใช้นายโจนาธาน พอลลาร์ด ยิวอเมริกันคนหนึ่งให้สืบหาความลับของสหรัฐฯ หลังจากที่เขาถูกจับได้ เจ้าหน้าที่อิสราเอลก็ออกมาอ้างในตอนแรกว่าเขาเป็น “สายลับแดง” แต่ต่อมาก็ยอมรับว่าพอลลาร์ดได้ทำงานให้พวกเขามาตั้งแต่เริ่มต้น นอกเหนือไปจากสายลับยิวอีกสองคนคือ เอเธลและจูเลียส โรเซนเบิร์กที่ให้ความลับเรื่องระเบิดปรมาณูของเราแก่โซเวียตแล้ว บางทีอาจไม่มีใครที่เคยสร้างอันตรายให้แก่ประเทศของเรามากไปกว่าที่โจนาธาน พอลลาร์ดสายลับอิสราเอลคนนี้
อิสราเอลไม่เพียงแต่จงใจใช้ข้อมูลของพอลลาร์ดทำลายปฏิบัติการสืบราชการลับของเราในตะวันออกกลางเท่านั้น แต่ยังได้ทำลายเครื่องมือการจารกรรมของเราในสหภาพโซเวียตและในค่ายตะวันออกด้วย (28) สายลับที่ดีที่สุดและจงรักภักดีที่สุดของอเมริกาหลายคนในโลกคอมมิวนิสต์ต้องถูกสังหารเพราะว่าอิสราเอลได้ขายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่นายพอลลาร์ดขโมยมาให้แก่โซเวียต (29) ในบทความข้างล่างนี้ซึ่งเขียนโดยเอริค มาร์โกลิสแสดงว่าอิสราเอล “เพื่อนและพันธมิตรอันน่ามหัศจรรย์”ของเราจะไม่ยอมปล่อยให้สหรัฐพูดคุยกับสายลับมอสซาดผู้รับผิดชอบต่อการสืบความลับของพอลลาร์ดเพื่อที่จะช่วยพิจารณาขอบเขตความเสียหายที่มีต่อสหรัฐฯและอันตรายต่างๆที่สายลับอเมริกันในต่างประเทศจะได้รับ
ความลับสำคัญบางอย่างที่นายพอลลาร์ดขโมยไปนั้นได้ถูกอิสราเอลนำไปขายหรือไม่ก็แลกเปลี่ยนกับสหภาพโซเวียต
กล่าวกันว่าสายลับซีไอเอคนสำคัญๆหลายคนในค่ายตะวันออกได้ถูกสังหารอันเนื่องมาจากการขโมยความลับของพอลลาร์ด พวกเคจีบีได้รับรหัสลับสุดยอดของสหรัฐฯไม่โดยตรงจากอิสราเอลก็จากสายลับในรัฐบาลอิสราเอล กล่าวโดยสั้นๆก็คือ การทรยศของนายพอลลาร์ดได้สร้างความหายนะทางด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ
ดังนั้น อิสราเอลซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกันนับพันล้านดอลล่าร์โจึงได้แอบทรยศสืบความลับและทำร้ายความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐ ยิ่งชั่วร้ายไปกว่านั้น อิสราเอลยังได้แลกข้อมูลลับสุดยอดที่ขโมยไปจากเราให้แก่ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของอเมริกาอีกด้วย แม้หลังจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอิสราเอลจะขอโทษต่อการล้วงความลับของพอลลาร์ดแล้ว อิสราเอลก็ยังจารกรรมความลับของเราอีก ในปี ค.ศ.1997 หนังสือพิมพ์ “ลอสแองเจลีสไทม์ส” ได้รายงานว่ายิวอเมริกันที่มีชื่อว่าเดวิด เอ. เทเนนเบาม์ “ได้ยอมรับว่าเขาได้เปิดเผยความลับให้แก่อิสราเอล” (30) คำรายงานมีของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีดังนี้ “วิศวกรโยธาคนหนึ่งที่ทำงานในหน่วยควบคุมกองทัพใกล้ดีทรอยต์ได้ยอมรับว่าเขาได้เปิดเผยข้อมูลทางทหารที่คัดแยกแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่อิสราเอลมาเป็นเวลากว่าสิบปี”
แม้จะรู้ถึงเจตนาสืบความลับจากเราและสร้างความเสียหายให้แก่ปฏิบัติการสืบความลับของอเมริกา แต่ประธานาธิบดีคลินตันก็ยังแต่งตั้งยิวไซออนิสต์คนหนึ่งให้เป็นประธานสภาความมั่นคงปลอดภัยซึ่งเป็นตำแหน่งสายลับขั้นสูงสุดในทำเนียบขาว แม้แต่หนังสือพิมพ์รายวัน “มาริฟ”ของอิสราเอลก็ยังอ้างถึงนายเบอร์เกอร์ว่าเป็น “ยิวร้อน” ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นคนที่อุทิศตนให้แก่อิสราเอลก่อน (31) การแต่งตั้งนายเบอร์เกอร์เป็นประธานสภาความมั่นคงปลอดภัยหลังจากกรณีของล้วงความลับของพอลลาร์ดเป็นความโง่บริสุทธิ์
การที่อิสราเอลสามารถสร้างความเสียหายให้แก่สหรัฐฯได้โดยไม่ถูกสื่อมวลชนโจมตีหรือแม้แต่ไม่ถูกสหรัฐฯยับยั้งความช่วยเหลือนั้นแสดงให้เห็นถึงอำนาจอันทรงพลังของคนพวกนี้เหนือเราและการเป็นกบฎในขั้นสูงสุดของอเมริกา มันจึงไม่น่าแปลกใจที่นายแอเรียล ชารอนสามารถที่จะพูดกับนายซิโมน เปเรสเมื่อเขาแนะว่าอิสราเอลอาจจะสูญเสียความช่วยเหลือจากอเมริกาถ้าหากว่าอิสราเอลไม่ถอนตัวออกจากการรุกรานเมื่อเร็วๆนี้ นายชารอนได้ตอบว่า :
“ทุกครั้งที่เราทำอะไรสักอย่าง คุณก็บอกผมว่าอเมริกาจะทำนั่นทำนี่….ผมต้องาการจะบอกอะไรคุณบางอย่างชัดๆว่า อย่าได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการกดดันของอเมริกาต่ออิสราเอล เราชาวยิวควบคุมอเมริกาและคนอเมริกันก็รู้” (แอเรียล ชารอน, 3 ตุลาคม 2001) (32)
ไม่เพียงแต่นายโจนาธาน พอลลาร์ดเท่านั้นที่กระทำการอันเป็นกบฎต่ออเมริกา ทุกคนในรัฐบาลอเมริกันที่ยังให้การสนับสนุนทางการเงินและการทหารแก่ต่างชาติที่ขโมยความลับของเราและทำลายปฏิบัติการสืบรายชการลับของเรา(พร้อมกับทำให้สายลับอเมริกันหลายคนต้องเสียชีวิต)ได้กระทำการอันเป็นกบฏต่อสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้การกระทำอันเป็นกบฎที่ดำเนินมาโดยตลอดนี้ รัฐบาลอเมริกันที่รักชาติ(อย่างน้อยที่สุด)จะต้องยุติการสนับสนุนอิสราเอล การให้ความสนับสนุนต่างชาติหลังจากที่ชาตินั้นจงใจกระทำการอันทรยศต่ออเมริกามิใช่อะไรนอกไปจากการกบฎ
ใน ค.ศ.1980 อิสราเอลได้ใช้นายโจนาธาน พอลลาร์ด ยิวอเมริกันคนหนึ่งให้สืบหาความลับของสหรัฐฯ หลังจากที่เขาถูกจับได้ เจ้าหน้าที่อิสราเอลก็ออกมาอ้างในตอนแรกว่าเขาเป็น “สายลับแดง” แต่ต่อมาก็ยอมรับว่าพอลลาร์ดได้ทำงานให้พวกเขามาตั้งแต่เริ่มต้น นอกเหนือไปจากสายลับยิวอีกสองคนคือ เอเธลและจูเลียส โรเซนเบิร์กที่ให้ความลับเรื่องระเบิดปรมาณูของเราแก่โซเวียตแล้ว บางทีอาจไม่มีใครที่เคยสร้างอันตรายให้แก่ประเทศของเรามากไปกว่าที่โจนาธาน พอลลาร์ดสายลับอิสราเอลคนนี้
อิสราเอลไม่เพียงแต่จงใจใช้ข้อมูลของพอลลาร์ดทำลายปฏิบัติการสืบราชการลับของเราในตะวันออกกลางเท่านั้น แต่ยังได้ทำลายเครื่องมือการจารกรรมของเราในสหภาพโซเวียตและในค่ายตะวันออกด้วย (28) สายลับที่ดีที่สุดและจงรักภักดีที่สุดของอเมริกาหลายคนในโลกคอมมิวนิสต์ต้องถูกสังหารเพราะว่าอิสราเอลได้ขายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่นายพอลลาร์ดขโมยมาให้แก่โซเวียต (29) ในบทความข้างล่างนี้ซึ่งเขียนโดยเอริค มาร์โกลิสแสดงว่าอิสราเอล “เพื่อนและพันธมิตรอันน่ามหัศจรรย์”ของเราจะไม่ยอมปล่อยให้สหรัฐพูดคุยกับสายลับมอสซาดผู้รับผิดชอบต่อการสืบความลับของพอลลาร์ดเพื่อที่จะช่วยพิจารณาขอบเขตความเสียหายที่มีต่อสหรัฐฯและอันตรายต่างๆที่สายลับอเมริกันในต่างประเทศจะได้รับ
ความลับสำคัญบางอย่างที่นายพอลลาร์ดขโมยไปนั้นได้ถูกอิสราเอลนำไปขายหรือไม่ก็แลกเปลี่ยนกับสหภาพโซเวียต
กล่าวกันว่าสายลับซีไอเอคนสำคัญๆหลายคนในค่ายตะวันออกได้ถูกสังหารอันเนื่องมาจากการขโมยความลับของพอลลาร์ด พวกเคจีบีได้รับรหัสลับสุดยอดของสหรัฐฯไม่โดยตรงจากอิสราเอลก็จากสายลับในรัฐบาลอิสราเอล กล่าวโดยสั้นๆก็คือ การทรยศของนายพอลลาร์ดได้สร้างความหายนะทางด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ
ดังนั้น อิสราเอลซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกันนับพันล้านดอลล่าร์โจึงได้แอบทรยศสืบความลับและทำร้ายความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐ ยิ่งชั่วร้ายไปกว่านั้น อิสราเอลยังได้แลกข้อมูลลับสุดยอดที่ขโมยไปจากเราให้แก่ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของอเมริกาอีกด้วย แม้หลังจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอิสราเอลจะขอโทษต่อการล้วงความลับของพอลลาร์ดแล้ว อิสราเอลก็ยังจารกรรมความลับของเราอีก ในปี ค.ศ.1997 หนังสือพิมพ์ “ลอสแองเจลีสไทม์ส” ได้รายงานว่ายิวอเมริกันที่มีชื่อว่าเดวิด เอ. เทเนนเบาม์ “ได้ยอมรับว่าเขาได้เปิดเผยความลับให้แก่อิสราเอล” (30) คำรายงานมีของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีดังนี้ “วิศวกรโยธาคนหนึ่งที่ทำงานในหน่วยควบคุมกองทัพใกล้ดีทรอยต์ได้ยอมรับว่าเขาได้เปิดเผยข้อมูลทางทหารที่คัดแยกแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่อิสราเอลมาเป็นเวลากว่าสิบปี”
แม้จะรู้ถึงเจตนาสืบความลับจากเราและสร้างความเสียหายให้แก่ปฏิบัติการสืบความลับของอเมริกา แต่ประธานาธิบดีคลินตันก็ยังแต่งตั้งยิวไซออนิสต์คนหนึ่งให้เป็นประธานสภาความมั่นคงปลอดภัยซึ่งเป็นตำแหน่งสายลับขั้นสูงสุดในทำเนียบขาว แม้แต่หนังสือพิมพ์รายวัน “มาริฟ”ของอิสราเอลก็ยังอ้างถึงนายเบอร์เกอร์ว่าเป็น “ยิวร้อน” ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นคนที่อุทิศตนให้แก่อิสราเอลก่อน (31) การแต่งตั้งนายเบอร์เกอร์เป็นประธานสภาความมั่นคงปลอดภัยหลังจากกรณีของล้วงความลับของพอลลาร์ดเป็นความโง่บริสุทธิ์
การที่อิสราเอลสามารถสร้างความเสียหายให้แก่สหรัฐฯได้โดยไม่ถูกสื่อมวลชนโจมตีหรือแม้แต่ไม่ถูกสหรัฐฯยับยั้งความช่วยเหลือนั้นแสดงให้เห็นถึงอำนาจอันทรงพลังของคนพวกนี้เหนือเราและการเป็นกบฎในขั้นสูงสุดของอเมริกา มันจึงไม่น่าแปลกใจที่นายแอเรียล ชารอนสามารถที่จะพูดกับนายซิโมน เปเรสเมื่อเขาแนะว่าอิสราเอลอาจจะสูญเสียความช่วยเหลือจากอเมริกาถ้าหากว่าอิสราเอลไม่ถอนตัวออกจากการรุกรานเมื่อเร็วๆนี้ นายชารอนได้ตอบว่า :
“ทุกครั้งที่เราทำอะไรสักอย่าง คุณก็บอกผมว่าอเมริกาจะทำนั่นทำนี่….ผมต้องาการจะบอกอะไรคุณบางอย่างชัดๆว่า อย่าได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการกดดันของอเมริกาต่ออิสราเอล เราชาวยิวควบคุมอเมริกาและคนอเมริกันก็รู้” (แอเรียล ชารอน, 3 ตุลาคม 2001) (32)
ไม่เพียงแต่นายโจนาธาน พอลลาร์ดเท่านั้นที่กระทำการอันเป็นกบฎต่ออเมริกา ทุกคนในรัฐบาลอเมริกันที่ยังให้การสนับสนุนทางการเงินและการทหารแก่ต่างชาติที่ขโมยความลับของเราและทำลายปฏิบัติการสืบรายชการลับของเรา(พร้อมกับทำให้สายลับอเมริกันหลายคนต้องเสียชีวิต)ได้กระทำการอันเป็นกบฏต่อสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้การกระทำอันเป็นกบฎที่ดำเนินมาโดยตลอดนี้ รัฐบาลอเมริกันที่รักชาติ(อย่างน้อยที่สุด)จะต้องยุติการสนับสนุนอิสราเอล การให้ความสนับสนุนต่างชาติหลังจากที่ชาตินั้นจงใจกระทำการอันทรยศต่ออเมริกามิใช่อะไรนอกไปจากการกบฎ
อิสราเอล : ชาติที่สืบความลับของอเมริกาและขายให้แก่ศัตรูของเรา
ใน ค.ศ.1980 อิสราเอลได้ใช้นายโจนาธาน พอลลาร์ด ยิวอเมริกันคนหนึ่งให้สืบหาความลับของสหรัฐฯ หลังจากที่เขาถูกจับได้ เจ้าหน้าที่อิสราเอลก็ออกมาอ้างในตอนแรกว่าเขาเป็น “สายลับแดง” แต่ต่อมาก็ยอมรับว่าพอลลาร์ดได้ทำงานให้พวกเขามาตั้งแต่เริ่มต้น นอกเหนือไปจากสายลับยิวอีกสองคนคือ เอเธลและจูเลียส โรเซนเบิร์กที่ให้ความลับเรื่องระเบิดปรมาณูของเราแก่โซเวียตแล้ว บางทีอาจไม่มีใครที่เคยสร้างอันตรายให้แก่ประเทศของเรามากไปกว่าที่โจนาธาน พอลลาร์ดสายลับอิสราเอลคนนี้
อิสราเอลไม่เพียงแต่จงใจใช้ข้อมูลของพอลลาร์ดทำลายปฏิบัติการสืบราชการลับของเราในตะวันออกกลางเท่านั้น แต่ยังได้ทำลายเครื่องมือการจารกรรมของเราในสหภาพโซเวียตและในค่ายตะวันออกด้วย (28) สายลับที่ดีที่สุดและจงรักภักดีที่สุดของอเมริกาหลายคนในโลกคอมมิวนิสต์ต้องถูกสังหารเพราะว่าอิสราเอลได้ขายหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่นายพอลลาร์ดขโมยมาให้แก่โซเวียต (29) ในบทความข้างล่างนี้ซึ่งเขียนโดยเอริค มาร์โกลิสแสดงว่าอิสราเอล “เพื่อนและพันธมิตรอันน่ามหัศจรรย์”ของเราจะไม่ยอมปล่อยให้สหรัฐพูดคุยกับสายลับมอสซาดผู้รับผิดชอบต่อการสืบความลับของพอลลาร์ดเพื่อที่จะช่วยพิจารณาขอบเขตความเสียหายที่มีต่อสหรัฐฯและอันตรายต่างๆที่สายลับอเมริกันในต่างประเทศจะได้รับ
ความลับสำคัญบางอย่างที่นายพอลลาร์ดขโมยไปนั้นได้ถูกอิสราเอลนำไปขายหรือไม่ก็แลกเปลี่ยนกับสหภาพโซเวียต
กล่าวกันว่าสายลับซีไอเอคนสำคัญๆหลายคนในค่ายตะวันออกได้ถูกสังหารอันเนื่องมาจากการขโมยความลับของพอลลาร์ด พวกเคจีบีได้รับรหัสลับสุดยอดของสหรัฐฯไม่โดยตรงจากอิสราเอลก็จากสายลับในรัฐบาลอิสราเอล กล่าวโดยสั้นๆก็คือ การทรยศของนายพอลลาร์ดได้สร้างความหายนะทางด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ
ดังนั้น อิสราเอลซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอเมริกันนับพันล้านดอลล่าร์โจึงได้แอบทรยศสืบความลับและทำร้ายความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐ ยิ่งชั่วร้ายไปกว่านั้น อิสราเอลยังได้แลกข้อมูลลับสุดยอดที่ขโมยไปจากเราให้แก่ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของอเมริกาอีกด้วย แม้หลังจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอิสราเอลจะขอโทษต่อการล้วงความลับของพอลลาร์ดแล้ว อิสราเอลก็ยังจารกรรมความลับของเราอีก ในปี ค.ศ.1997 หนังสือพิมพ์ “ลอสแองเจลีสไทม์ส” ได้รายงานว่ายิวอเมริกันที่มีชื่อว่าเดวิด เอ. เทเนนเบาม์ “ได้ยอมรับว่าเขาได้เปิดเผยความลับให้แก่อิสราเอล” (30) คำรายงานมีของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีดังนี้ “วิศวกรโยธาคนหนึ่งที่ทำงานในหน่วยควบคุมกองทัพใกล้ดีทรอยต์ได้ยอมรับว่าเขาได้เปิดเผยข้อมูลทางทหารที่คัดแยกแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่อิสราเอลมาเป็นเวลากว่าสิบปี”
แม้จะรู้ถึงเจตนาสืบความลับจากเราและสร้างความเสียหายให้แก่ปฏิบัติการสืบความลับของอเมริกา แต่ประธานาธิบดีคลินตันก็ยังแต่งตั้งยิวไซออนิสต์คนหนึ่งให้เป็นประธานสภาความมั่นคงปลอดภัยซึ่งเป็นตำแหน่งสายลับขั้นสูงสุดในทำเนียบขาว แม้แต่หนังสือพิมพ์รายวัน “มาริฟ”ของอิสราเอลก็ยังอ้างถึงนายเบอร์เกอร์ว่าเป็น “ยิวร้อน” ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นคนที่อุทิศตนให้แก่อิสราเอลก่อน (31) การแต่งตั้งนายเบอร์เกอร์เป็นประธานสภาความมั่นคงปลอดภัยหลังจากกรณีของล้วงความลับของพอลลาร์ดเป็นความโง่บริสุทธิ์
การที่อิสราเอลสามารถสร้างความเสียหายให้แก่สหรัฐฯได้โดยไม่ถูกสื่อมวลชนโจมตีหรือแม้แต่ไม่ถูกสหรัฐฯยับยั้งความช่วยเหลือนั้นแสดงให้เห็นถึงอำนาจอันทรงพลังของคนพวกนี้เหนือเราและการเป็นกบฎในขั้นสูงสุดของอเมริกา มันจึงไม่น่าแปลกใจที่นายแอเรียล ชารอนสามารถที่จะพูดกับนายซิโมน เปเรสเมื่อเขาแนะว่าอิสราเอลอาจจะสูญเสียความช่วยเหลือจากอเมริกาถ้าหากว่าอิสราเอลไม่ถอนตัวออกจากการรุกรานเมื่อเร็วๆนี้ นายชารอนได้ตอบว่า :
“ทุกครั้งที่เราทำอะไรสักอย่าง คุณก็บอกผมว่าอเมริกาจะทำนั่นทำนี่….ผมต้องาการจะบอกอะไรคุณบางอย่างชัดๆว่า อย่าได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการกดดันของอเมริกาต่ออิสราเอล เราชาวยิวควบคุมอเมริกาและคนอเมริกันก็รู้” (แอเรียล ชารอน, 3 ตุลาคม 2001) (32)
ไม่เพียงแต่นายโจนาธาน พอลลาร์ดเท่านั้นที่กระทำการอันเป็นกบฎต่ออเมริกา ทุกคนในรัฐบาลอเมริกันที่ยังให้การสนับสนุนทางการเงินและการทหารแก่ต่างชาติที่ขโมยความลับของเราและทำลายปฏิบัติการสืบรายชการลับของเรา(พร้อมกับทำให้สายลับอเมริกันหลายคนต้องเสียชีวิต)ได้กระทำการอันเป็นกบฏต่อสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้การกระทำอันเป็นกบฎที่ดำเนินมาโดยตลอดนี้ รัฐบาลอเมริกันที่รักชาติ(อย่างน้อยที่สุด)จะต้องยุติการสนับสนุนอิสราเอล การให้ความสนับสนุนต่างชาติหลังจากที่ชาตินั้นจงใจกระทำการอันทรยศต่ออเมริกามิใช่อะไรนอกไปจากการกบฎ
ที่มา : โดย เดวิด ดุค ประธานแห่งชาติ องค์การเอกภาพและสิทธิยุโรป-อเมริกา แปลโดย บรรจง บินกาซัน Source: Thaimuslimshop.com , Davidduke.com