การโจมตีตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์
ดังนั้น ประวัติศาสตร์จึงเป็นที่ชัดเจน อิสราเอลคือรัฐก่อการร้ายที่เลวที่สุดบนโลก อิสราเอลและบรรดาผู้นำก่อการร้ายอย่างเช่นนายเบกิน, นายชามีร์และนายชารอนได้ฆ่าล้าง ทิ้งระเบิด ยิง ทรมานและสังหารเผ่าพันธุ์ชนชาติปาเลสไตน์มาเป็นเวลาครึ่งศตวรรษนอกจากนี้แล้ว อิสราเอลยังได้กระทำการขายชาติและก่อการร้ายต่อสหรัฐอเมริกาอีกหลายครั้งดังที่ผมได้แสดงให้เห็นไว้อย่างชัดเจนแล้วในกรณีลาวอน กรณีสายลับพอลลาร์ดอันอื้อฉาวและกรณีโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้ของสหรัฐฯ
เนื่องจากอำนาจของอิสราเอลในสื่อมวลชนและรัฐบาล ผู้ทรยศต่อสหรัฐจึงยังคงให้การสนับสนุนชาติก่อการร้ายนี้โดยไม่เกรงกลัวการลงโทษ
ความจริงแล้ว ผู้ทรยศต่อสหรัฐฯเหล่านี้ได้ส่งอาวุธให้แก่อิสราเอลนำไปใช้ในการโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้นั่นเอง
ถึงแม้ความพยายามของพวกยิวและผู้ทรยศคนอื่นๆต่อเมริกา แต่รัฐบาลอเมริกันก็ยังคงดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ทรยศต่อผลประโยชน์ที่แท้จริงของอเมริกาครั้งแล้วครั้งเล่า การให้ความช่วยเหลือทางด้านการทหารและด้านการเงินเป็นจำนวนมากสามารถทำให้อิสดราเอลยังกระทำการก่อการร้ายต่อชาวปาเลสไตน์ต่อไป ดังนั้น การที่อเมริกาสนับสนุนการก่อการร้ายของอิสราเอลจึงเป็นสาเหตุสร้างความเกลียดชังอย่างมหาศาลต่อสหรัฐฯ ทำลายเศรษฐกิจและผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาและในที่สุดก็ทำให้การก่อการร้ายแพร่ระบาดในหมู่พวกเรา
พวกทรยศที่ขายอเมริกาให้แก่อิสราเอลคือผู้มีความผิดที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องเสียชีวิตถึง 5,000 คนในวันที่ 11 กันยายน เมื่อพวกที่จี้เครื่องบินได้นำเครื่องบินพุ่งชนตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์และเพนตากอน
อิสราเอลต้องการให้ชาติตะวันตกเข้าใจว่าเป็นผู้ก่อการร้ายชาวอาหรับ
ในสองปีที่ผ่านมา อิสราเอลต้องได้รับความเสียหายทางด้านชื่อเสียงอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตัวเอง การเลือกตั้งฆาตกรสังหารหมู่ผู้คนอย่างนายแอเรียล ชารอนขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับคนที่มีความสำนึกผิดชอบชั่วดีนับล้านคนทั่วโลก การประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องลัทธิการเหยียดเชื้อชาติที่ตราหน้าอิสราเอลว่าเป็น “รัฐแบ่งแยกเชื้อชาติ” ได้สร้างความไม่พอใจให้อิสราเอลเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ทันใด การโจมตีตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์ก็เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของโลกให้หันกลับไปเห็นใจอิสราเอล นี่เป็นแค่เหตุบังเอิญที่โชคดีสำหรับอิสราเอลกระนั้นหรือ ?
ดังที่ผมได้แสดงไว้ในบทความนี้ บรรดาผู้นำอิสราเอลได้กระทำการก่อการร้ายโจมตีอเมริกามาหลายครั้งโดยอำพรางว่าเป็นการโจมตีของชาวอาหรับ เพราะพวกอิสราเอลรู้ว่าถ้ามีผู้ก่อการร้ายอาหรับคนใดโจมตีอเมริกาก็จะเป็นผลประโยชน์ต่อเป้าหมายของพวกตน พวกเขารู้ดีว่ายิ่งการโจมตีอเมริกาหนักหน่วงรุนแรงเท่าใด ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่ออิสราเอลมากเท่านั้น นายแอเรียล ชารอนรู้ถึงบทเรียนสำคัญบทหนึ่งในเบรุต แทนที่จะสร้างความเสียหายโดยตรงต่ออเมริกาดังที่เคยทำในกรณีลาวอนและในการโจมตีเรือรบลิเบอร์ตี้ มันเป็นการง่ายกว่าและปลอดภัยกว่าสำหรับอิสราเอลที่จะกระทำการทำลายล้างชาวอาหรับต่อไปอย่างเช่นในกรณีค่ายซาบราและชาติลลาทั้งนี้เพื่อที่จะทำให้ศัตรูอิสลามของพวกเขาหันมาก่อการร้ายต่อตะวันตก นั่นคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในการทิ้งระเบิดตอบโต้ของนาวิกโยธินอเมริกดันและกองทหารพลร่มฝรั่งเศสในเบรุต และนั่นยังคงเป็นสิ่งจูงใจให้มีการโจมตีตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์
อิสราเอลมีบทบาทอย่างไรในการโจมตีตึกเวิร์ลเทรด ?
หนังสือพิมพ์วอชิงตันไทม์สฉบับวันที่ 10 กันยายน 2001 ได้พูดถึงรายงานการศึกษาจำนวน 68 หน้าซึ่งตีพิมพ์โดยโรงเรียนกองทัพบกสหรัฐฯเพื่อการศึกษาทางทหารขั้นสูง (หรือที่เรียกในชื่อย่อว่า SAMS) การศึกษาดังกล่าวซึ่งถูกตีพิมพ์โดยโรงเรียนนายทหารกองทัพบกนี้ได้ให้รายละเอียดถึงอันตรายต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้กับกองทหารประจำการของสหรัฐฯในตะวันออกกลาง นี่คือความคิดเห็นของบทความเกี่ยวกับทัศนะของการศึกษาต่อหน่วยสืบราชการลับมอสซาดของอิสราเอล :
การศึกษากล่าวว่าหน่วยสืบราชการลับมอสซาดของอิสราเอล “โหดเหี้ยมและมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย มีความสามารถที่จะโจมตีกองกำลังของสหรัฐฯและทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการกระทำของปาเลสไตน์/อาหรับ”
น่าขำที่ภายใน 24 ชั่วโมงของการตีพิมพ์การศึกษาดังกล่าว ตึกเวิร์ลเทรดเซนเตอร์และเพนตากอนก็ถูกโจมตี เป็นไปได้ไหมที่ “มอสซาดที่โหดเหี้ยมและมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย” ดังที่นายทหารสหรัฐฯกล่าวไว้จะอยู่เบื้องหลังการโจมตี ?
มอสซาดเป็นองค์การก่อการร้ายที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลก มันเป็นหนึ่งในองค์การสืบราชการลับที่ใหญ่ที่สุดและทันสมัยที่สุด ไม่มีชาติใดในตะวันออกกลางที่จะมีข่ายงานและอำนาจใกล้เคียงกับองค์การนี้ มอสซาดคุยว่าตัวเองได้เข้าไปแทรกแซงอยู่ในหน่วยทหารปาเลสไตน์และอาหรับทุกแห่งบนโลกนี้ เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้แล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยที่พวกมอสซาดว่าพวกมอสซาดได้เข้าแทรกแซงลึกเข้าไปในองค์การที่เก่าแก่ที่สุด ใหญ่ที่สุดและอันตรายที่สุดของพวกอาหรับ นั่นคือ องค์การอัล-กออิด๊ะฮของบินลาดิน
ยิ่งไปกว่านั้น เอฟบีไอและซีไอเอก็ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าการโจมตีตึกเวิร์ลเทรดและเพนตากอนเป็นการปฏิบัติลับขนาดใหญ่ที่ใช้เครือข่ายผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศอย่างน้อยที่สุดก็ร้อยคนในสามทวีป สายลับมอสซาดในอัลกออิด๊ะฮ์กับเครือข่ายอันกว้างใหญ่ไพศาลของผู้แทรกซึมและผู้ให้ข่าวจะไม่รู้เกี่ยวกับปฏิบัติการการก่อการร้ายที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กระนั้นหรือ ?
แน่นอน มันเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์บทบาทขององค์การสายลับต่างชาติอย่างเช่นมอสซาดในการก่อการร้ายได้ พวกนี้จะไม่คุยถึงเรื่องการทำงานของพวกตนในอินเตอร์เนท แต่หลักฐานสำคัญได้ชี้ว่าว่าอิสราเอลรู้ล่วงหน้าถึงการโจมตีอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน และถ้าหากพวกอิสราเอลรู้ล่วงหน้าถึงแผนการก่อการร้ายนี้แล้วยังเลือดเย็นไม่เตือนให้สหรัฐรู้เพราะเห็นว่าการสังหารหมู่คนอเมริกันนับพันคนอย่างน่าสะพรึงกลัวเป็นผลดีสำหรับอิสราเอล มันก็หมายความว่าพวกเขาได้ช่วยเหลือให้แผนการก่อการร้ายนี้โดยอาศัยตัวแทนของตน ขอให้เรามาดูหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่ามอสซาดรู้ล่วงหน้าถึงการโจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน
ที่มา : โดย เดวิด ดุค ประธานแห่งชาติ องค์การเอกภาพและสิทธิยุโรป-อเมริกา แปลโดย บรรจง บินกาซัน Source: Thaimuslimshop.com , Davidduke.com